เทคโนโลยีจีโนม อหังการของมนุษย์ (ตอนที่ ๒) โดย นพ.ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ *** การพัฒนาเทคโนโลยีด้านจีโนมนั้นเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสารพันธุกรรม (ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมลักษณะต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตทุกๆ ชนิด) ในอนาคตอันใกล้นี้การประยุกต์ใช้งาน ด้านจีโนมจะทำได้อย่างง่ายดายและจะแทรกอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา เช่น การตรวจสารพันธุกรรม จากเลือด ซึ่งจะทำได้อย่างง่ายดาย รวดเร็วและราคาถูก การทราบข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์นั้นทำให้ การทราบความลับของปัจเจกบุคคลเป็นไปได้ง่ายขึ้นอย่างมาก (เช่น ทราบว่าใครเป็นโรคอะไรบ้าง, ร้ายแรงเพียงใด จะถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้หรือไม่, ใครเป็นพ่อ-แม่-ลูก กับใคร หรือมีความสัมพันธ์ ในสายเลือดอย่างไรต่อกัน) ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการละเมิดความเป็นส่วนตัวได้อย่างมาก ปัจเจกบุคคลมีโอกาสที่จะถูกกีดกันในการทำงาน เนื่องจากทราบผลด้านพันธุกรรมว่ามีโอกาสเป็นโรค ชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือบริษัทประกันอาจจะเรียกค่าประกันสูงเป็นพิเศษในคนที่มีโอกาสเสี่ยงในการ เกิดโรคสูง รัฐบาลก็อาจใช้ข้อมูลพันธุกรรมของประชาชนในประเทศเพื่อผลประโยชน์ในทางการเมืองได้ ข้อมูลพันธุกรรมอาจถูกใช้เพื่อคัดเลือกพันธุ์มนุษย์ เด็กทารกที่เกิดใหม่มีโอกาสที่จะถูกคัดเลือกเอา ลักษณะหรือเพศที่ต้องการไว้เท่านั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการเลือกมีเฉพาะบุตรเพศชายในประเทศจีน ซึ่งจะมีผลเสียในด้านสมดุลมนุษย์อย่างรุนแรงในอนาคต ดังนั้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านจีโนม จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ ทั้งในด้านจริยธรรม กฎหมาย และ สังคม ดังนั้น ประเทศไทยจึงต้องการแนวทางการจัดการที่เหมาะสมก่อนการเกิดปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในอนาคตอันใกล้นี้ ระยะที่ 2: ระยะเกิดผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีจีโนม (ในปัจจุบันนี้บางประเทศได้เข้าสู่ระยะ นี้แล้ว) ในระยะนี้ จะมีผลิตภัณฑ์หลากหลายจากเทคโนโลยีจีโนมเข้าสู่ตลาด จำนวนมาก เช่น ยารักษาโรคชนิดที่รักษาได้ผลแม่นยำได้แบบรายบุคคล วัคซีนชนิดใหม่ ๆ พืชและสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ ในกรณีประเทศไทย เช่น กุ้งพันธุ์ใหม่ คุณูปการหลักของเทคโนโลยีจีโนมคือ การสร้างต้นแบบที่เป็น ทางเลือกสำหรับพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากหลากหลายกว่าเดิมเป็นสิบ เป็นร้อย หรือในที่สุดเป็นพันเป็นหมื่นเท่า อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ วิธีการคัดกรอง คัดเลือกและทดสอบผลิตภัณฑ์ ยังใช้กระบวนการทดสอบ แบบเดิมเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการคัดเลือกยา หรือวัคซีน หรือพืช สัตว์พันธุ์ใหม่ก็ตาม การคัดกรอง คัดเลือก และทดสอบอาจดีขึ้นบ้างเป็น 5-10 เท่า การเพิ่มของต้นแบบที่เป็นทางเลือกมาก ประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยี เช่น อเมริกา อังกฤษ และยุโรป จึงอาจต้องการขยายฐานการทดสอบไปยังประเทศที่กำลังพัฒนา ประเทศไทยนั้น อาจจะยังอยู่ในฐานะประเทศกลุ่มที่ถูกทดสอบผลิตภัณฑ์เหล่านั้น การบริหารจัดการและ นโยบายที่ดีในระดับประเทศจะชี้ทิศทางได้ว่าประเทศไทยจะมีฐานะเป็นเพียงประเทศที่เป็นหนูทดลองหรือ จะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทเหล่านั้น ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้ หากมีแนวทางการเจรจาต่อรองในระดับ ประเทศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ระยะนี้จะเป็นช่วงเวลาที่อาจจะได้รับผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงมาก ในขณะที่ประเทศ ที่พัฒนาแล้วลงทุนอย่างหนักเพื่อพยายามใช้เทคโนโลยีจีโนมในการสร้างต้นแบบที่เป็นทางเลือก ประเทศไทยคงไม่อาจลงทุนแข่งขันในระดับเดียวกันได้ แต่อาจสร้างต้นแบบที่เป็นทางเลือกนี้ จากความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นต้นทุนเดิมของประเทศมาใช้ในการแข่งขัน และยิ่งหากสามารถ ประยุกต์เทคโนโลยีจีโนมเพื่อสร้างขยายความหลากหลายของทรัพยากรชีวภาพออกไปอีก ก็อาจพอมี ทางที่จะอยู่ในวิสัยที่แข่งขันได้ข้อพึงระวังคือ การพัฒนาด้านจีโนมจะทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ๆ ขึ้นมาได้ ประเทศอื่นๆ ก็อาจสร้างสิ่งมีชีวิตชนิดที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับของดีของประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีจีโนม การสร้างพันธุ์ข้าวใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมือนข้าวหอมมะลิคงไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป ดังนั้นประเทศไทยควรมี การกำหนดแนวทางการพัฒนาทรัพยากรชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และจำเป็นต้องเข้าสู่การแข่งขันต่อยอด ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่ให้ดีขึ้นไปอีก และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นที่ต้องการของตลาด ระยะที่ 3: ระยะการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์(ชีวภาพ) และแบบจำลองสิ่งมีชีวิต (electronic organisms) แม้ว่าทั้งสองสิ่งนี้จะเป็นของที่มีอยู่แล้ว แต่ผลกระทบ จากการวิจัยจีโนมจะมีมากจนทำให้เทคโนโลยีของโลกทางด้านนี้ก้าวกระโดดขึ้นไป อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีจีโนมจะนำไปสู่ความรู้ด้านชีววิทยาในเรื่องการทำงานของ สมอง การควบคุมระบบประสาทและการควบคุมการทำงานของร่างกายมนุษย์ ความรู้เหล่านี้จะหลอมรวมเข้ากับเทคโนโลยีด้านอื่นๆ เช่น เทคโนโลยีการสร้าง หุ่นยนต์เทคโนโลยีการสร้างวัสดุชีวภัณฑ์ให้ใกล้เคียงกับเนื้อเยื่อมนุษย์ และ นาโนเทคโนโลยี แล้วก่อให้เกิดความรู้ขั้นสูงที่ทำให้วิศวกรและนักคอมพิวเตอร์ สามารถสร้างหุ่นยนต์ ชีวภาพและใส่โปรแกรมการทำงานในลักษณะใกล้เคียงกับ มนุษย์ และคงจะดีกว่าในหลาย ๆ ด้าน เช่นความเร็วความแม่นยำ หุ่นยนต์ชีวภาพ เหล่านี้จะมีสมองที่มีความสามารถเร็วกว่าสมองมนุษย์ สามารถเข้าถึงข้อมูล ในฐานข้อมูลชนิดต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำสูง สามารถสร้างแบบจำลอง ของผลิตภัณฑ์และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในคอมพิวเตอร์ได้อย่างแม่นยำ ระยะที่ 4: ระยะที่เทคโนโลยีเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์และมีผลกระทบรุนแรงต่อปัจเจกบุคคลและ สังคมโดยรวม การมีแบบจำลองที่แม่นยำของทั้งผลิตภัณฑ์และสิ่งมีชีวิต รวมทั้ง สิ่งแวดล้อมต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ จะทำให้การทดสอบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยการ จำลองเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีราคาถูก นอกจากนั้นก็จะเป็นระยะที่เทคโนโลยีต่างๆ มีความสมบูรณ์สูงมากขึ้น รวมทั้งเทคโนโลยีทางด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ ทำให้มีเทคโนโลยีสำหรับการคัดกรอง คัดเลือก และทดสอบ ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาของการรอทดสอบเป็นเวลานาน ในระยะที่ 2 ที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้มีผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงจำนวนมหาศาลไหลเข้าสู่ ตลาดอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดเทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้าสูงสุดขนาดที่สามารถออกแบบ และสร้างผลิตภัณฑ์ ชีวภาพใหม่ได้เองทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งรวมทั้งการสร้างวัตถุดิบเองที่ไม่เคยมีในธรรมชาติมาก่อนได้ด้วย *** ที่มา : http://www.thainhf.org/html/modules.php?name=News&file=article&sid=267