http://www.duangden.com
ยาสีพระทนต์ของในหลวง
 
 


***

เรื่องราวความประทับใจที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเรื่องนี้เป็นข้อเขียนของคุณจิก ประภาส ชลศรานนท์ ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๓ คอลัมน์ “ คุยกับประภาส ” ได้บอกเล่าถึง "ยาสีพระทนต์ของในหลวง" คุณจิกเล่าว่า

ผมมีภาพๆ หนึ่งเอามาให้ดูกัน เป็นภาพหลอดยาสีฟันที่ถูกใช้แล้วครับ เห็นทีแรกไกล ๆ ก็ไม่รู้สึกอะไรมากหรอกครับ เป็นภาพที่ติดอยู่บนบอร์ดที่โรงเรียนของลูก ระหว่างที่ยืนรอลูก ๆ ลงมาจากห้องเรียน จึงได้อ่านข้อความที่ประกอบภาพนี้อย่างละเอียด

ภาพหลอดยาสีฟันที่เห็นนี้ต้องเรียกว่าเป็น หลอดยาสีพระทนต์ประวัติศาสตร์ เพราะนี่คือหลอดยาสีพระทนต์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เห็นแล้วรู้สึกเหมือนผมไหมครับ ความฉ่ำเย็นจากที่ไหนก็ไม่รู้อาบลงมา กลางกระหม่อมเลย

ภาพนี้ถูกตีพิมพ์เป็นโปสเตอร์โดยคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครูที่โรงเรียนของลูกผมไปพบเข้าเลยนำมาถ่ายสำเนา ติดบอร์ดให้เด็กนักเรียน ได้เรียนรู้และเข้าใจคำว่า “ ประหยัด ”

ศาสตราจารย์พิเศษทันตแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ทันตแพทย์ประจำพระองค์ อดีตคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนเล่าให้ฟังว่า

“ครั้งหนึ่งทันตแพทย์ประจำพระองค์ กราบถวายบังคมทูลเรื่องศิษย์ทันตแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บางคนมีค่านิยมในการใช้ของต่างประเทศ และมีราคาแพง รายที่ไม่มีทรัพย์พอซื้อหา ก็ยังขวนขวาย เช่ามาใช้เป็นการชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งเท่าที่ทราบมามีความแตกต่างจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงนิยมใช้กระเป๋าที่ผลิต ภายในประเทศเช่นสามัญชนทั่วไป ทรงใช้ดินสอสั้นจนต้องต่อด้าม แม้ยาสีพระทนต์ของพระองค์ท่านก็ทรงใช้ด้ามแปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบนจนแน่ใจว่าไม่มียาสีพระทนต์ หลงเหลืออยู่ในหลอดจริงๆ

เมื่อกราบบังคมทูลเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งว่า ของพระองค์ท่านก็เหมือนกัน และยังทรงรับสั่งต่อไปด้วยอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้เองมหาดเล็กห้องสรงเห็นว่า ยาสีพระทนต์ของพระองค์คงใช้หมดแล้ว จึงได้นำหลอดใหม่มาเปลี่ยนให้แทน เมื่อพระองค์ได้ทรงทราบ ก็ได้ขอให้เขานำยาสีพระทนต์หลอดเก่ามาคืน และพระองค์ ท่านยังทรงสามารถใช้ต่อไปได้อีกถึง ๕ วัน

จะเห็นได้ว่าในส่วนของพระองค์ท่านเองนั้น ทรงประหยัดอย่างยิ่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ทรงพระราชทาน เพื่อราษฎรผู้ยากไร้อยู่เป็นนิจ

พระจริยาวัตรของพระองค์ได้แสดงให้เห็นอย่างแจ่มชัดถึงพระวิริยะอุตสาหะ ตลอดจนความประหยัดในการใช้ของอย่างคุ้มค่า

หลังจากนั้นทันตแพทย์ประจำพระองค์ได้กราบพระบาททูลขอพระราชทานหลอดยาสีพระทนต์หลอดนั้น เพื่อนำไปให้ศิษย์ได้เห็นและรับใส่เกล้าเป็นตัวอย่าง เพื่อประพฤติปฏิบัติในโอกาสต่อๆ ไป

ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานส่งหลอดยาสีพระทนต์เปล่าหลอดนั้นมาให้ถึงบ้าน

ทันตแพทย์ประจำพระองค์รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้า ยิ่งเมื่อได้พิจารณาถึงลักษณะของหลอดยาสีพระทนต์เปล่าหลอดนั้นแล้ว ทำให้เกิดความสงสัยว่า เหตุใด หลอดยาสีพระทนต์หลอดนี้จึงแบนราบเรียบ โดยตลอดคล้ายแผ่นกระดาษโดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปเกือบถึงเกลียวคอหลอด

เมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอีกครั้ง ในเวลาต่อมา จึงได้รับคำอธิบายจากพระองค์ว่า หลอดยาสีพระทนต์ที่เห็นแบนเรียบนั้น เป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกด จนเป็นรอยบุ๋มที่เห็นนั่นเอง และเพื่อที่จะขอนำไปแสดงให้ศิษย์ทันตแพทย์ ได้เห็นเป็นอุทาหรณ์ จึงได้ขอพระราชานุญาตซึ่งพระองค์ท่านก็ได้ทรงพระเมตตาด้วยความเต็มพระทัย ”

ผมมีโอกาสได้ยืนมองดูรูปหลอดยาสีพระทนต์หลอดนี้อยู่เนือง ๆ เวลาไปรอรับลูกที่โรงเรียน และเมื่อยิ่งดูก็ยิ่งได้รับรู้ถึงปรัชญาที่พระองค์พระราชทานผ่านมาทางหลอดยาฯ นี้แล้ว

ผมก็พบว่า แก่นแท้ของการประหยัดมันอยู่ตรงนี้นี่เอง ไม่ใช่ไม่ยอมใช้เลย แต่ต้องรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช้แบบเหลือทิ้งเหลือขว้าง และทำให้ผมคิดไปถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ บนโลกใบนี้

หลอดยาสีพระทนต์ของในหลวง หลอดนี้สอนผมให้เข้าใจว่า ...

ในความเป็นจริงแล้ว มนุษย์เรายังคงต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติต่อ ไม่ใช่ไม่ใช้เลย แต่จะใช้อย่างไรมากกว่า ตัวอย่างง่าย ๆ เรื่องการใช้น้ำ เราไม่ควรประหยัดน้ำ จนต้นไม้ที่ปลูกอยู่ตายเพราะขาดน้ำ แต่เราควรระวังการเปิดน้ำทิ้งไว้ เราควรระวังท่อน้ำรั่ว หยด ซึม เราควรระวังเรื่องสิ้นเปลืองเหล่านี้ ต่างหาก

แล้วผมก็คิดเลยไปถึงเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องเขื่อนว่า ทำไมบางครั้งโลกเราถึงต้องยอมเสียพื้นที่ป่าบางพื้นที่ เพื่อสร้างเขื่อนบ้าง

***

Google
 

 

 
 
 
© Webpage Designed by thaicadet.org // Last Updated. Tuesday 26 July, 2011 11:14 PM